วันนี้ได้รับเกียรติจากห้องอาหาร @g (แอท จี) Galleria 10 สุขุมวิท 10 ให้มาชิมเมนูบุฟเฟต์ จากเดิมที่เราได้เคยมาลิ้มลองด้วยตัวเองเมื่อครั้งที่ห้องอาหารได้เปิดบริการใหม่ๆ


@g Galleria 10 Hotel Bangkok

รสชาติ		ที่ตั้ง: 21, Sukhumvit Soi 10, Sukhumvit Road, Klongtoey, Bangkok 10110 โทรศัพท์: +66 (0) 2 615 0999 Website: Galleria 10 Hotel Bangkok	EXTENT
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

พวกเรามาถึงที่ โรงแรม Galleria 10 Bangkok ประมาณ 11 โมง เนื่องจากจำนวนแขกที่เพิ่มขึ้นมากทำให้เราได้ใช้บริการระบบลิฟท์ยกรถเพื่อนำรถไปจอดในที่จอดรถด้านล่าง ทั้งนี้ที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัด ขอแนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอโศกจะสะดวกกว่า เมื่อเข้ามาถึงก็พบกับ ห้องอาหาร @g ภายในตกแต่งด้วยรูปแบบที่แปลกตา ทั้งไลน์อาหาร ที่นั่ง สีสันสดใส ตกแต่งแบบทันสมัยเอาใจวัยรุ่น แบ่งเป็นส่วนของบาร์เครื่องดื่มและไลน์อาหารบุฟเฟต์ ซึ่งเราได้พบกับไลน์อาหารใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร สำหรับราคาบุฟเฟต์อยู่ที่ 399 บาท Net (รวมเครื่องดื่ม) สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาจะมีบุฟเฟต์ที่แตกต่างกันออกไปในราคาเดียวคือ 159 บาท Net (รวมเครื่องดื่ม) เช่น Pasta Buffet ในวันจันทร์, Sanwich & Panini + Salad & Chips ในวันอังคาร, Asian Noodles ในวันพุธ, Japanese Buffet ในวันพฤหัสบดี และ Vegetarian Indian Food ทุกวันศุกร์

พวกเราเริ่มจากเมนูทานเล่นอย่าง ส้มตำ (Papaya Salad) และ Vietnamese Spring Roll ได้ความสดชื่นของผักที่เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน รวมถึงสลัดแบบ DIY ที่มีผักสดหลายชนิดและเครื่องเคราต่างๆ พร้อมกับน้ำสลัดให้เลือกปรุงกันด้วยตัวเอง ตามด้วยอาหารรองท้องเบาๆ อย่างขนมปังหลากชนิด แต่สุดท้ายก็มาถูกใจเจ้าขนมปังแบบนุ่ม ทากับเนยสด ทานเข้ากันได้ดีกับ ซุปครีมฟักทอง (Pumpkin Cream Soup) อุ่นๆ

ผ่านการเรียกน้ำย่อยกันไปแล้ว คราวนี้ถึงเมนูอาหารจานหลักกันบ้าง เริ่มจากอาหารญี่ปุ่น ที่มี ซูชิและมากิ (Mixed Sushi & Maki Roll) หลายรูปแบบคุณภาพของปลานั้น แม้จะสู้ร้านซูชิแท้ๆ ไม่ได้แต่ก็คุ้มกับราคาที่จ่ายไป สำหรับอาหารจานร้อนที่นี่ก็มีให้เลือกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น อาหารไทยที่คุ้นเคยอย่าง ไก่ผัดเม็ดมะม่วง (Stir Fried Chicken with Cashew Nuts) รสชาติดี แกงเผ็ดเป็ดย่าง (Duck Red Curry)ทานเข้ากันได้ดีกับ ข้าวผัดกุ้ง (Fried Rice with Shrimp) ส่วนอาหารฝรั่งอย่าง เพนเน่อบชีส (Baked Penne with Cheese) ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวทั้งพาสตานุ่มนวลและชีสหอมๆ ส่วน ปลาอบสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน (Roasted Fish Mediterranean Style) เมนูนี้เนื้อปลาสดนุ่มไม่มีกลิ่นคาว ได้รสชาติเนยและกระเทียมที่เข้าไปในเนื้อปลา

สำหรับจุดเด่นของที่นี่ยังคงเป็นเมนูเส้น ที่มีให้เลือกหลากหลายทั้ง Spaghetti, Penne, Fettuccini, Farfale และ Linguini ที่ยังคง Concept Homemade Pasta ที่มีน้ำซอสชนิดต่างๆ ทั้ง Bolognese Sauce, Tomato Sauce, Cream Sauce,Oyster Sauce รวมถึง Tom Yum Soup รวมถึงต้มยำแบบไทย Laksa แบบสิงคโปร์ และซอสพาสต้าสไตล์ฝรั่ง ตามด้วยเครื่องปรุงที่มีมากมายจนเลือกไม่ถูก ที่มีทั้งตำรับฝรั่ง ตำรับจีน รวมถึงแบบไทยๆ ในที่สุดเราก็ตกลงใจสั่งพาสต้ามาถึง 3 ชนิด ได้แก่ ซอสเนื้อ ไวท์ซอส และ ผัดขี้เมา โดยรวมแล้วก็ประทับใจกับเส้นของที่นี่ ทานตอนกำลังร้อนๆ ได้รสชาติเต็มปากเต็มคำ หากท่านใดอยากลองชิมของแปลกใหม่ขอแนะนำให้ทาน Laksa แบบสิงคโปร์ เมนูนี้คล้ายๆ ข้าวซอย แต่รสชาติน้ำแกงจะนุ่มกว่าไม่จัดจ้านเท่า เข้ากับเส้นโฮมเมดได้ดี นอกจากนี้ สำหรับใครที่ชอบทาน Seafood ก็สามารถเลือกชุดบุฟเฟต์ ราคา 599 บาท Net ซึ่งจะเพิ่มส่วนของ Seafood ที่ประกอบไปด้วย ปลากะพงย่างทั้งตัว เนื้อแน่น หอมกรุ่น กุ้ง หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ สดและหวาน และ กั้ง นอกจากนี้ยังมี ขาแกะอบเครื่องเทศ เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว รสชาติก็นับว่าทำออกมาใช้ได้ทีเดียว

ปิดท้ายด้วยของหวานที่นี่มีให้เลือกหลากหลายชนิดเช่นกัน ซึ่งพวกเราก็หยิบมาลองชิมจนครบ ไม่ว่าจะเป็น Caramel Custard, Blueberry Cheesecake, Apple Tart, Panna Cotta, Creme Brulee, Raspberry & Mango Mousses ถึงแม้ของหวานเหล่านี้จะสู้ร้านขนมหวานแท้ๆ ไม่ได้ แต่ขนมของที่นี่ก็อยู่ในระดับใช้ได้ และมีบางเมนูที่โดดเด่น ได้แก่ พันนาคอตตา (Panna Cotta) มีรสเปรี้ยวตัดหวานที่ลงตัว ส่วนช็อกโกแลตนั้นก็ทำออกมาได้ไม่หวานมากนัก ได้รสชาตของความขมของช็อกโกแลตติดปลายลิ้น และปิดรายการด้วยผลไม้รวมสดๆ เป็นอันจบมื้ออย่างสมบูรณ์