รสชาติ		ที่ตั้ง: Manhattan Hotel Bangkok, Sukhumvit15 Bangkok, Thailand 10110 เบอร์ติดต่อ : 081 413 4411 Website : Jiro Raw Bar & Grill	EXTENT
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

ภายในร้านตกแต่งสบายๆ ภายใต้คอนเซปต์ร้านซูชิในสวน ทางร้านเล่าว่าอยากให้ Jiro มีความแตกต่างกับร้านซูชิทั่วไป ที่อยากให้เป็นจุดนัดพบปะพูดคุยกันในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย โดยไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการห้องส่วนตัวสำหรับการฉลองเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ รวมถึงมี Wine และสาเกไว้บริการอีกด้วย

นั่งชมบรรยากาศกันสักพักอาหารก็เริ่มทยอยเสิร์ฟ จานแรกเปิดมาเป็น Kaiso Salad (330 บาท) สลัดสาหร่ายสดทานคู่กับน้ำสลัดญี่ปุ่นรสกลมกล่อม หอมกลิ่นงาขาว ทานแล้วให้ความรู้สึกเบาๆ ไม่หนักท้อง เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว ถัดมาเป็น Jiro Warm Breeze (580 บาท) ซาชิมิที่มาในหน้าตาละม้ายคล้ายซูชิคำใหญ่ยักษ์ แต่ใช้ชูโทโรชิ้นใหญ่มาแทนข้าวซูชิ ด้านบนราดหน้าด้วยชูโทโร่สับ ไข่นกกระทาดิบ และไข่หอยเม่น ถัดมาเป็นโรลชุดใหญ่ Hamachi Finlandia (950 บาท) โรลฮามาจิย่างไฟกำลังดี ห่อด้วยอะโวคาโดและฟัวส์กราส์ ราดด้วยซอสงา ชิ้นใหญ่เต็มคำ รสชาตออกหวานนิดๆ ต่างจากโรลทั่วไปที่เคยลิ้มลอง แต่ส่วนประกอบต่างๆ เข้ากันได้อย่างอร่อยลงตัว พร้อมให้รสสัมผัสนุ่มเนียน เข้ากันดีกับขิงดองที่ทางร้านทำเอง เนื้อขิงกรอบมากต่างจากร้านทั่วไป รสชาติขิงดองเปรี้ยวอมหวานระคนเค็มนิดๆ กำลังดี ตามต่อมาด้วยโรลอีกหนึ่งชุดใหญ่ Jiro Dynamite Roll (800 บาท) สำหรับโรลชุดนี้เสิร์ฟมาทั้งสิ้น 6 ชิ้นด้วยกัน ด้านในตัวโรลประกอบไปด้วยชูโทโร อะโวคาโด ราดด้วยซอสเผ็ดนิดๆ และท็อปปิ้งที่แตกต่างกันไปทั้ง 6 ชนิด ได้แก่ คาเวียร์ ไข่หอยเม่น เห็ดทรัฟเฟิลดำ ฟัวส์กราส์ ไข่กุ้ง และไข่ปลาบิน รสชาติอร่อยไม่แพ้โรลจานแรก นับว่าเป็นร้านซูชิอีกร้านหนึ่งที่มีฝีมือในการสร้างสรรค์โรลรสเยี่ยม

หมดจากชุดโรลแล้วก็มาต่อกันที่กลุ่มซูชิกันบ้าง เริ่มจากเมนูประจำที่เราสั่งมาชิมแทบทุกครั้งอย่าง Foie Gras Sushi (280 บาท) ที่ให้ฟัวกราส์มาชิ้นใหญ่จุใจมากๆ เนื้อฟัวกราส์มีความชุ่มฉ่ำทั่วชิ้น ต่างจากร้านอื่นๆ ที่มักจะย่างไฟมาแบบด้านนอกเกรียมนิดๆ แห้งหน่อยๆ เนื้อฟัวกราส์รสหนักไปทางหวานนำ แม้จะไม่เหมือนใครแต่ก็รู้สึกอร่อยไปอีกแบบ ถัดมาเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน Kani Miso (180 บาท) หรือซูชิหน้ามันปูที่นับว่าสดอร่อยแบบหาทานได้ยาก อีกคำหนึ่งเป็น Akimo Nigiri (220 บาท) ตับปลาชิ้นใหญ่จุใจเนื้อแน่นดีทีเดียว ปิดท้ายซูชิด้วย Engawa (180 บาท) ครีบปลาตาเดียวเนื้อสีขาวนวล รสสัมผัสกรุบกรอบ เผาไฟอ่อนๆ หอมน่าทาน หากใครไม่ได้เป็นเซียนซูชิ ทางร้านก็ยังมีอาหารกลุ่มสเต็ก เทมปุระ และอุด้ง ให้เลือกสั่งได้ตามชอบ

ปิดท้ายกันด้วยชุดอาหารเที่ยงสุดคุ้มที่วันนี้พวกเราเลือกสั่ง Lunch Set B - Nigiri Mori (350 บาท) ชุดข้าวปั้นหน้าปลาดิบที่มีให้หลากชนิดแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Akami, Salmon, Madai, Hamachi, Ebi และ Tamako ที่ให้มาชิ้นใหญ่ทุกคำ เสิร์ฟพร้อมไข่ตุ๋นเนื้อเนียน และเครื่องเคียง รวมถึง Miso Soup รสชาติกลมกล่อม ชาเขียวรีฟิล และไอศกรีมวานิลารสชาตินุ่มละมุนลิ้น ถ้าไม่ติดว่าอิ่มจากซูชิด้านบนไปก็คงได้สั่งไอศกรีมเพิ่มอีกเป็นถ้วยที่สอง เป็นอันจบอีกหนึ่งมื้อเต็มอิ่มกับซูชิชิ้นใหญ่จัดเต็ม ซึ่งโดยรวมแล้วคุณภาพวัตถุดิบอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และทุกเมนูให้มาในปริมาณที่สมราคาทีเดียว สำหรับบรรดาพลพรรคนักทานซูชิท่านใดที่ผ่านมาแถวนี้ก็ขอแนะนำให้แวะมาลองชิมดู