หลังจากที่เคยติดอกติดใจกับบุฟเฟต์วันศุกร์เสาร์ของที่นี่ในธีม Seafood Night ทางทีมงานมีโอกาสได้รับเชิญมาที่ห้องอาหาร Atelier โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม สุขุมวิทอีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้ได้มาลอง Sunday Brunch อันเลื่องชื่อ

Atelier - Grand Millenium Sukhumvit

รสชาติ		ที่ตั้ง: 30 Sukhumvit 21 (asoke) Road Wattana, Bangkok 10110, Thailand โทรศัพท์: 02 204 4111 Website: Grand Millennium Sukhumvit *โปรโมชั่นพิเศษ “มา 4 จ่าย 3” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้กับทางโรงแรม	EXTENT
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

ห้องอาหาร Atelier นั้นตกแต่งดูดีมีสไตล์ ให้บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับจะพาเพื่อนฝูงไปเฮฮากันก็ได้ พาครอบครัวไปสังสรรค์กันก็ดี ที่สะดุดตาตั้งแต่ก่อนนั่งคือบนโต๊ะอาหารที่มีขนมปังบาแกตชิ้นยาววางไว้ตรงกลางโต๊ะ แอบสังเกตเห็นหลายโต๊ะไม่ทานกันอาจจะนึกว่าใช้สำหรับตกแต่งอย่างเดียว แต่จริงๆแล้วหยิบทานได้ ลองทานดูแล้วกรอบอร่อย สมแล้วกับที่เป็นขนมปังที่ที่นี่ทำเอง หลังจากชิมขนมปังตรงหน้าแล้วเราก็เริ่มสำรวจไลน์กัน เริ่มจาก ไลน์ขนมปัง ที่นี่มีชนมปังให้เลือกเยอะมากค่ะ และจะมีมีดหั่นขนมปังยาวๆวางไว้ให้เลือกหั่นเองให้ได้ขนาดชิ้นตามใจชอบ ถัดมามี ชีส หลายประเภทให้ทานเคียงกับถั่วและผลไม้อบแห้งชนิดต่างๆ ชีสบางแบบอาจจะกลิ่นแรงไม่คุ้นปากคนไทย แต่สำหรับผู้ที่ชอบทานชีสอยู่แล้วนั้นจะต้องปลื้มกับชีสคุณภาพที่คัดสรรมาจากต่างประเทศของที่นี่

ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของบุฟเฟต์ก็เห็นจะหนีไม่พ้น ไลน์ซีฟู้ด ไลน์นี้คนแน่นอยู่ตลอดเพราะมีทั้งขาปูยักษ์ หอยนางรม Fine de Claire หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งเล็ก รวมถึงไข่ปลาแซลมอนและไข่กุ้งครบครัน ขาปูยักษ์นั้น เนื้อแน่น หวาน ทานแบบเย็นก็อร่อย ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดของที่นี่ที่เผ็ดจัดจ้านถูกปากคนไทย แต่ถ้าเราตักใส่จานแล้วเอาไปที่ grill station รบกวนให้เชฟช่วยเบิร์นให้หน่อยก็จะยิ่งอร่อยไปอีกแบบ แนะนำให้ลองทานแบบนี้ดูค่ะ

อาหารของที่นี่นั้นนานาชาติจริงๆ มีทั้ง อาหารไทย รสจัดจ้าน มี อาหารอินเดีย ที่ปรุงมาด้วยเครื่องเทศตามตำรับดั้งเดิมส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาแต่ไกล ในส่วนของ ซาชิมิ ซูชิ นั้นก็มีให้เลือกเยอะพอสมควรรสชาติมาตรฐาน ในโซน อาหารจีน นั้นมีเมนูติ่มซำทานง่ายอย่าง ขนมจีบ ฮะเก๋าร้อนๆ หมูหันหนังกรอบ เนื้อหนา ทานกับซอสหวานอร่อยเข้ากันพอดี และยังมีเมนูสุดฮิตอย่างเป็ดปักกิ่งอีกด้วย สำหรับสาวๆรักสุขภาพ ในส่วนของ สลัดบาร์ มีผัก เครื่องเคียง และน้ำสลัดให้เลือกหลายแบบ ใครชอบทานผักเดินวนได้หลายรอบไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ ใกล้ๆกับสลัดก็จะมีอาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มให้ชิมอีกหลายแบบ ที่แปลกตาหน่อยก็เช่นซุปมะเขือเทศเย็นหรือที่เรียกว่ากัซปาโช่ ที่ชอบเป็นพิเศษคือ คานาเป้ แซลมอนรมควันที่ทานคู่กับกัวคาโมเล่ นอกจากสีสันจะสวยงามแล้วรสชาติยังอร่อยมากด้วยค่ะ

นอกจากที่ว่ามาก็ยังมี Pasta Station ให้สั่งเส้นและซอสได้ตามชอบใจ ส่วนตัวแนะนำให้ลองสั่งพาสต้าเส้นดำแบบ Aglio e Olio มาทาน แม้ตัวเส้นวันนั้นจะแข็งไปหน่อยแต่ในส่วนของรสชาติทำออกมาได้ดี เผ็ดตามสไตล์ Olio อีกทั้งหอมกลิ่นกระเทียมกำลังดี ในส่วน Grill Station นั้นก็มีวัตถุดิบคุณภาพให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อวัว (Beef Sirloin) เนื้อแกะ (Lamb) เนื้อปลาแซลมอน (Salmon) กุ้ง (Prawn) และ กั้ง (Rock Lobster) รวมถึง อกไก่ (Chicken Breast) เนื้อหมู (Pork) ไส้กรอกลูกวัว (Veal Sausage) ให้เราเลือก จำนวน ชนิดและความสุกที่ต้องการ มีมินท์ซอส มัสตาร์ด และซอสอีกหลายแบบให้เลือกมาทานคู่กับเนื้อที่สั่ง

และที่ขาดไม่ได้ พวกเราปิดท้ายมื้อกลางวันสุดพิเศษนี้ด้วย ขนมหวาน ที่จัดมาให้กันอย่างจุใจ เริ่มจากส่วนที่สวยงามตระการตาจนเราฮือฮากันคือตัวช็อกโกแลตฟาวเทน ของที่นี่มีให้เลือกทั้งดาร์คช็อกโกแลต และไวท์ช็อกโกแลต เอาใจคนที่ชอบช็อกโกแลตเต็มที่เลยจริงๆค่ะ สำหรับเค้กก็มีหลายอย่างหน้าตาน่าทานทั้งนั้น ขนมหวานของที่นี่เกือบทุกอย่างจะมีผลไม้เป็นส่วนประกอบ เข่น สตรอว์เบอรร์รี กีวี บลูเบอร์รี ทำให้ทานแล้วไม่หวานเกินไป และเพิ่มความอร่อยให้ขนมหวานแต่ละอย่างด้วย อย่างเค้กผลไม้ ชีสเค้ก ก็จะประดับหน้าเค้กด้วยผลไม้สีสันสดใส และยังมี มูส บราวนี่ รสเข้มข้นถูกใจสาวกช็อกโกแลต นอกจากนี้ก็ยังมีขนมหวานแบบไทยและน้ำแข็งไสอีกด้วย

พวกเราปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเครป ที่มี Crepe Station สวยเก๋อยู่ด้านหน้าทางเข้า แป้งเครปทำมาได้ดีมาก ไม่หนาหรือบางเกินไป รสสัมผัสกำลังพอดี ทานคู่กับผลไม้สดและไอศกรีมรสวานิลลา อร่อยเข้ากันสุดๆไปเลย

สำหรับมื้อนี้ที่มีอาหารให้เลือกละลานตาขนาดนี้ สนนราคาก็อยู่ที่ 1600++ โดยราคานี้รวมเครื่องดื่มแล้วซึ่งมีให้เลือกทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์คกลิ้งไวน์ น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ค่ะ แถมช่วงนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นมาสี่จ่ายสามให้อีกด้วย นับเป็นบุฟเฟต์อีกที่ที่คุ้มค่าคุ้มราคามากทีเดียวเลยเชียวค่ะ