สำหรับรีวิวนี้ทางทีมงานได้รับเกียรติจากโรงแรมแชงกรี-ลา ให้มาลิ้มลองมื้อพิเศษกับ Jeff Ramsey พ่อครัวดาวมิชลิน เจ้าแห่งศาสตร์อาหารสไตล์ Molecular ในระหว่างวันที่ 16-21 กันยายน 2556 ในเมนู Tapas สไตล์ Molecular จำนวน 23 จาน



Jeff Ramsey, Molecular Master @ Angelini, Shangri-la Hotel Bangkok

รสชาติ		ที่ตั้ง : 89 Soi Wat Suan Plu, New Road, Bangrak, Bangkok 10500 โทรศัพท์ : (66 2) 236 7777 Ext.6290 Website : Angelini รีวิวที่เกี่ยวข้อง : Angelini, ขนมไหว้พระจันทร์	EXTENT
คุณภาพวัตถุดิบ
สุขอนามัย
ความคุ้มค่าราคา
สถานที่

หากจะพูดถึงการจัดอันดับร้านอาหารแล้ว ชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยก็คงจะเป็นการจัดอันดับของ Michelin guide ซึ่งรับประกันความเป็นสุดยอดทั้งด้านการรังสรรค์เมนูอาหารและรสชาติอันลุ่มลึก ว่ากันว่าร้านใดได้ดาวหลายๆดวงนี่ก็คือร้านระดับที่ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองหากได้ไปแวะเมืองนั้นๆ วันนี้โชคดีก็เป็นของเราที่เชฟ Jeff Ramsey ผู้ได้สร้างสมประสบการณ์รวมถึงเทคนิคการทำอาหารแบบต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นทำอาหารในปี 2509 จนกระทั่งได้รับดาวมิชลินและรางวัลเกียรติยศต่างๆ มากมายนั้น ได้แวะมาเยี่ยมเยือนเมืองไทยกันถึงถิ่น เราจึงถือฤกษ์นี้ทำการรีวิวเชฟระดับ มิชลิน (Michelin) ครั้งแรกในเมืองไทยหลังจากที่เคยพาผู้อ่านท่องไปถึงฝรั่งเศสและนิวยอร์กเพื่อไปชิมร้านระดับสามดาวกันมาแล้ว

เมนูชุดแรกของวันนี้เป็นของทานเล่น (Small Snacks/Bites) โดยเริ่มจาก Edible Mai Taiและ Cable Carที่ประกอบไปด้วยสับปะรด เชอรี่ และอ้อย รสชาติของผลไม้แนว tropical อมเปรี้ยวอมหวานและรสชาติของ Mai Tai ที่อยู่ข้างในนั้นแสนจะเหมาะเจาะกับการเริ่มต้นเตรียมความสดชื่นให้ลิ้นก่อนที่จะลิ้มลองเมนูอื่นๆของมื้ออาหารค่ำวันนี้ ถัดมาเป็น Crab Sandwich ด้านนอกนั้นเป็นแป้งทอดบางกรอบ ส่วนด้านในเป็น King Crab คลุกเคล้าด้วยซอสมะขาม ขิงและมะม่วง รสชาติแปลกใหม่จากการผสมผสานผลไม้ท้องถิ่นแนวตะวันออกกับวัตถุดิบอย่างอาหารทะเลสดๆ ตามต่อมาด้วย Caesar Salad ที่ทำขนาดมาให้หยิบได้พอดีคำ โรยด้วยชีสฝอยหอมมัน ทานแล้วเย็นซ่า ชื่นใจ แม้จะดูคำเล็ก แต่อัดแน่นไปด้วยรสชาติของ Caesar Salad อย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อทาน Starter กันจนครบก็ถึงเวลาของ Plates กันบ้าง ชุดแรกเป็น Sashimi ที่ประกอบไปด้วย Uni สด ทานคู่กับ Apple รสชาติหวานๆของ Apple ตัดกันกับความหอมมันของไข่หอยเม่น ทำให้ได้รสสัมผัสที่ล้ำลึก อีกทั้งยังมี Seared Amberjack ปลาดิบสด ปรุงรสเข้มข้น คลุกเคล้ากับเครื่องเคียง ทานแล้วรู้ซึ้งถึงความสด เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ต้องยกนิ้วให้ถัดมาเป็น Langoustine, Melon ที่นำแคนตาลูปสดมา Seared เล็กน้อย โดยเชฟให้นิยามว่าสุกแบบ Medium Rare เข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้งชิ้นใหญ่ที่ปรุงมาได้สุกพอดี ทานคู่กับซอส Nut Milk พร้อมความหอมของใบ Basil ตัดกันได้ยอดเยี่ยม

จานต่อมายังคงอยู่กับเมนูกุ้ง -196 Tempura ที่ยกบรรยากาศใต้ทะเลมาไว้ในจาน ความพิเศษของจานนี้อยู่ที่Nitro Tempura Flake ที่โรยเป็นเกล็ดขนมปังอยู่รอบๆ เพิ่มรสชาติและความแปลกใหม่ตามสไตล์ molecular อันเป็นเอกลักษณ์ของเชฟ ให้รสสัมผัสและรสชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างดี ต่อมาที่เมนูอาหารไทยประยุกต์กันบ้าง จานนี้เป็นต้มยำกุ้งน้ำพริกเผา แต่ที่พิเศษกว่าธรรมดาคือเป็นต้มยำกุ้งที่มาบนจานน้ำแข็ง เครื่องแกง เนื้อกุ้ง รสชาติ เข้มข้นจัดจ้านสมกับที่นำเมนูไทยอันโด่งดังของเราไปดัดแปลง

มาต่อกันด้วยเมนูฝั่งตะวันตกประยุกต์กันบ้าง เริ่มจาก Parmesan Mochi, Pesto, Strawberry และ Basilที่นำพาร์เมซานชีสมาทำให้มีรสสัมผัสคล้ายกับโมจิ มีความเหนียวหนึบ หอมชีสอ่อนๆ เนื้อนุ่มนวล ทานคู่กับซอสเพสโต้ ซอสสตรอวเบอร์รี่ และขนมปังกรอบ ส่วนจานถัดมาเป็นเมนูปลา ที่เชฟ Jeff เลือกใช้ Seabass (ปลากระพง) แฮมแผ่นบางๆและผักหลากหลายชนิด ซึ่งรสเค็มเล็กๆของแฮมนั้นเสริมให้รสละมุนและความสดของปลาเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนเมนูถัดมาเป็น Mushroom and the Earth ที่ตกแต่งจานได้อย่างน่าตื่นตา จำลองการงอกของต้นไม้และแผ่นดิน นอกจากเห็ดแล้ว จานนี้ยังมี Pork Belly ชิ้นพอดีคำ หน่อไม้ฝรั่งขาว คลุกเคล้าด้วยผงปรุง รสชาติเค็มนิดๆ การที่มีทั้งรากผักอย่างหน่อไม้ฝรั่งและเห็ดที่ขึ้นบนดินให้ความรู้สึกแสนจะ earthy เหมาะกับ concept ของจาน

หมดจานนี้ก็ขอแวะมาทาง Samgyetang, 4 hour Abalone กันบ้าง จานนี้เป็นหอยเป๋าฮื้อชิ้นใหญ่นุ่มหนึบคลุกเคล้าด้วยซอส Ginseng ในซุป Truffle Foam หอมอ่อน เข้ากันได้ดีกับข้าว Risotto ที่ทำออกมาได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป สำหรับจานหนักอีกหนึ่งจานที่น่าสนใจคือ Roast Lamb, Very Juicyกับเทคนิคการทำอาหารชั้นยอดของเชฟ Jeff ที่มีการนำ Jelly ใส่ลงไปเนื้อแกะ ย่างไฟให้เนื้อสุกกำลังดี จะทานแบบคำเดียว ให้ Jelly ที่ละลายเป็นซอสอุ่นๆอยู่ข้างใน คลุกเคล้ากับเนื้อแกะจนรสชาติกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน หรือจะแบ่งทานคำเล็กๆ ก็จะได้รสชาติคนละแบบ ปิดท้ายด้วยClam Miso Soup เป็น Molecular ซุปขนาดพอดีหนึ่งคำ (Bite-sized) ไม่เหลวจนเกิดไป ทานทั้งคำได้รสสัมผัสนุ่มลิ้น ให้กลิ่นทะเลและหอยลายหอมอวลไปทั่วปาก

ทานจานหลักกันจนอิ่มหนำแล้วก็มาต่อที่ของหวานกันบ้าง เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อย แสดงเทคนิค Molecular ที่เชฟ Jeff โชว์การใช้ Nitrogen และส่งให้แขกทุกท่านกับมือ เป็นอีกหนึ่งของเล่นที่น่าตื่นตา ต่อมาเป็น Coconut, Litchi, Black Vinegar อีกหนึ่งพระเอกของงานนี้ ที่มาแบบจัดเต็มทั้งสปันจ์เค้กสีเหลืองนุ่มหนึบ ไอศกรีมมะพร้าวซอร์เบทเนื้อเนียนหอมมัน พร้อมเครื่องเคียงอย่าง Wild Berries,Strawberry โมจิลิ้นจี่เหนียวนุ่มและใบมินท์เพิ่มความหอมเย็น และปิดท้ายของวันนี้ด้วย One Bite 5 รายการ ที่มีทั้ง Truffle 70% Dark Chocolate รายการนี้เป็นช็อกโกแลตสอดไส้ Truffle เคลือบด้วย Black Truffle รสชาติหวานหอม Truffle กำลังดี ถัดมาเป็น Foie Gras and Kinako ที่วันนี้ฟัวกราส์กลายร่างเป็นของหวาน บวกด้วยแป้งโดนัทและถั่วเหลือง ซึ่งต้องยกให้เชฟที่แสดงลูกเล่นในการเอาวัตถุดิบที่ปกติเคยชินกันในเมนูอาหารคาวมากลายร่างอย่างสมบูรณ์แบบ และ Jin Deuiอีกหนึ่ง One bite ที่ทำจากงาขาวปั้นเป็นลูกบอล ภายในบรรจุด้วยนมถั่วเหลืองหอมมัน รสชาติดีทีเดียว สำหรับคนชอบทานเยลลี่ก็มี Jasmine Gum เยลลี่เหนียวนุ่มหอมกลิ่นชามะลิอ่อนๆ และ Matcha Masrshmallow ชาเขียวมาร์ชเมลโลว์ นับเป็นอีกหนึ่งมื้อที่ทำให้ประทับใจอย่างไม่รู้ลืม อร่อยสมศักดิ์ศรีเชฟระดับดาวมิชลิน

ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางโรงแรมแชงกรี-ลา ได้มีการจัด Special Event ด้านอาหารต่างๆมามากมายไม่ขาดสาย และแน่นอนว่าจะยังคงจัดมาให้ได้ลิ้มลองอีกเรื่อยๆ หากใครต้องการชิมอาหารที่แปลกใหม่ หลายหลายรสชาติหลากหลายสไตล์ก็ขอแนะนำให้ติดตามข่าวสารต่างๆของโรงแรม รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน