พอเราลงมาถึงที่ร้านก็พบกับบรรยากาศอันน่าทึ่ง ภายในกว้างขวาง มีอาหารที่จัดอย่างสวยงามละลานตา วางเรียงกันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำเอาเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน บวกกับวิวริมแม่น้ำที่สว่างไสวด้วยไฟจาก River Cruise รวมถึงแสงไฟจากตึกสูงและการจัดที่นั่งให้แขกสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งชมทิวทัศน์ด้านนอกหรือจะนั่งทานภายในห้องอาหารก็ได้ บุฟเฟต์มื้อเย็นที่นี่ถือว่ามีแขกมาทานเยอะพอสมควรแต่โดยมากจะเป็นชาวต่างชาติ สำหรับบุฟเฟต์ในช่วงเย็นของที่นี่ประกอบไปด้วย Station มากมาย โดยแต่ละแห่งจะมีเชฟประจำยืนอยู่เพื่อช่วยในการแนะนำชนิดและประเภทของอาหาร

Carved, Grilled and Flambé Station

• Station นี้มีของหน้าตาดีวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด เริ่มจากผู้นำของกลุ่มอย่าง Pasta Station ที่มีเส้นพาสต้าให้เลือกหลากหลายชนิด รวมถึงเครื่องปรุงและซอสที่สามารถเลือกสั่งกับเชฟได้ตามใจชอบ จากนั้นไม่นาน คาร์โบนาร่า (Carbonara) เส้นดำก็ออกมาสู่สายตาพวกเรา เส้นพาสต้านุ่มๆ บวกกับซอสอุ่นๆและแฮมเห็ด สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย สำหรับรายการอื่นๆของที่นี่เป็นอาหารปรุงสำเร็จ มีให้เลือกตั้งแต่ Sea Bass Fillets on Creamy pine Nut Spinach หรือ ปลากระพงซอสครีม เข้ากันได้ดีกับผักโขมนุ่มๆ และครีมหอมๆ ทานแล้วอร่อยถูกใจ ส่วน Lamb Stew , Grilled Beef Tenderloin in Grain Mustard Sauce และ Roast Babay Back Ribs นั้น สามารถบอกเชฟให้หั่นสดๆ ตามปริมาณที่ต้องการได้
• กลุ่มเครื่องเคียง มันฝรั่งที่ถือได้ว่าเป็นเครื่องเคียงหลักของไลน์นี้ ที่มีให้เลือกตั้งแต่ในแบบห่อฟอยล์อย่าง Baked Potato หรือแบบ มันบด Marshed Potato หรือแม้กระทั่ง Potato Wedges อาจเป็นเพราะว่าทำเตรียมไว้เป็นจำนวนมากพอสมควรทำให้มันฝรั่งหลายๆอันไม่ได้ออกมาจากเตาร้อนๆ และบางอันอาจแข็งไปสักนิด สำหรับมันฝรั่งที่เป็นซุปอย่าง Potato and Leek Soup รวมถึง Yorkshire pudding ที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก

Teppanyaki Station

• สำหรับ Station นี้อาจถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Carved, Grilled and Flambé Station แต่ด้วยความอร่อยของทุกเมนูใน Station นี้เราเลยขอยกให้เป็นพระเอกของงาน สำหรับอาหารโซน Teppanyaki นี้สามารถสั่งทำได้สดๆเช่นกัน โดยเลือกจากรายการอาหารที่แสดงอยู่หน้า Station จากนั้นเชฟก็จะเริ่มกระบวนการ สิ่งที่หน้าตื่นตาอย่างหนึ่งของโซนนี้คือกระทะร้อนที่มีไฟลุกท่วมๆด้วยส่วนผสมที่มีแอลกอฮอล์ และรสชาติที่ออกมาก็ไม่ผิดหวัง เริ่มจาก Grain-fed Australian Beef siroin ตามต่อด้วยเมนูปลาๆอย่าง Atlantic Salmon Teppanyaki ที่ทำได้ดีจนคนไม่ชอบทานแซลมอนเสามารถจัดการจานนี้คนเดียวจนหมด และ Sea Bass teppanyaki ที่ออกมาได้กำลังดีไม่แห้งหรือแฉะจนเกินไป รสชาตินุ่มนวล และที่ขาดไม่ได้คือขาประจำอย่าง Seared foie gras with brioche bread balsamic gravy และยังมีซอสหลากหลายรายการให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Pommery Mustard, Dijon Mustard, Ketchup, Steak Sauce และ Apple Sauce แถมท้าย Station นี้ด้วย กุ้งเทปปันยากิ ที่ไม่มีในเมนูแต่ทำออกมาร้อนๆ รสชาติหอมหวานถูกใจทีเดียว

Seafood Boutique Station

• สำหรับ Station นี้ประกอบไปด้วยของทะเลสดๆที่ผ่านการนึ่งเรียบร้อยพร้อมรับประทานไม่ว่าจะเป็น กุ้งใหญ่ กุ้งเล็ก หอยแมลงภู่ ที่ได้ลองชิมคือ หอยนางรมที่สดใช้ได้ทีเดียว วางบนถาดน้ำแข็งขนาดใหญ่ น้ำจิ้มซีฟู้ดอาจจะรสชาติอ่อนไปนิด

Japanese Station

• Station นี้ ไม่โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับ Station อื่นๆ แม้ว่า Sushi และ Sashimi ที่นี่ดูผ่านๆแล้วหน้าตาธรรมดา คำเล็กกว่าขนาดปกติตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป แต่เมื่อทานแล้วรสชาติของ Sushi ที่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ สดและอร่อย ทำให้เราใช้เวลากับ Station นี้มากกว่าหนึ่งรอบ เมนูที่ถูกใจพวกเราในครั้งนี้คือ แตงกวาพันข้าวและโรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน

Homeopathic & Healthy Lifestyle Cuisine Station

• สำหรับ Station นี้ นอกจากมีผักที่สดและสะอาดและน้ำสลัดให้เลือกมากมายหลายชนิดแล้ว ยังมีชามสลัดขนาดใหญ่ไว้ให้จัดการปรุงได้ตามใจชอบ

Indian and Middle Eastern Vegetarian Cuisine

• สำหรับ Station นี้ก็ถือได้ว่าน่าสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากไม่ค่อยเห็นอาหารอินเดียและอาหารมังสวิรัติในไลน์บุฟเฟต์เท่าใดนัก เริ่มจาก Bhindi Masala Lady Finger Masala ที่รสชาติสอบผ่าน ต่อด้วย เครื่องเคียงอย่าง Pickle Mango อาจจะรสชาติออกเปรี้ยวและขมไปนิดสำหรับคนทานอาหารอินเดียไม่เก่งอย่างผู้เขียน แต่สำหรับเมนูอื่นๆอย่าง Prawn Curry ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศมารบกวนมากมายนัก ข้าว Basmati ที่นี่ก็ไม่แข็งจนเกินไป ทานกับ Chicken Tikka นุ่มๆแล้วถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

Asian Hot Cuisine Station

• ถ้าไม่รวมเทศกาลอาหารเสฉวนมีอยู่ก็นับได้ว่า NEXT2 Café ก็มีอาหารจีนให้บริการอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ซี่โครงหมูนึ่งร้อนๆ (Pork Spared Ribs in Black Bean) ในเข่งชิ้นขนาดกำลังพอดี ส่วน ปลานึ่งซีอิ้ว(Ginger Steamed Sea Bass with Soya Sauce) ก็ถือว่าสอบผ่าน

Siam Market Place Station

• อาหารไทยที่นี่ตั้งอยู่ด้านนอก อาหารที่มีก็เป็นเมนูที่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับชาวต่างชาติ ได้แต่ ผัดไทย แกงเผ็ดเนื้อ (Red Curry Beef) รวมถึงต้มยำกุ้ง ที่เชฟบอกกับเราว่าเมนูนี้ปรุงรสชาติออกมาให้ถูกใจฝรั่ง หากอยากทานรสชาติแบบไทยแล้วเชฟก็สามารถ นำไปปรุงให้เผ็ดมากขึ้นได้ อีกเช่นกัน กุ้งที่ใช้ในเมนูนี้ก็คือ กุ้งก้ามกรามตัวใหญ่ๆ จากฝั่งของ Grill Bar นั่นเอง ส่วนอาหารตามสั่งอื่นๆ ได้แก่ ผัดผักรวมมิตรไก่ ที่แห้งไปนิด แต่ก็สอบผ่านที่ผักสด กรอบ ส่วน ผัดพริกทะเล รสชาติเค็มนิดๆ ไม่เผ็ดด้วยพริกหวานหลากสีคลุกเคล้ากับกุ้งและปลาหมึก ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ที่เลือกได้ว่าจะเป็นข้าวขาวหรือข้าวกล้องแล้วก็ถูกใจกันไปอีกแบบ

Banana Leaf Grill (BBQ) Station

• แน่นอนสำหรับ Station นี้ กับ กุ้งแม่น้ำย่าง ปลาหมึกย่าง ปลากระพงย่าง ปลาแซลมอนเป็นชิ้น หรือแบบเป็นส่วนท้องก็ยังมีให้เลือก เชฟจะนำของปิ้งย่างเหล่านี้ห่อในใบตอง ปิ้งบนเตาหินลาวา ออกมาหอมกรุ่น จะทานกันสดๆ หรือทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็อร่อยกันคนละแบบ

Sweet & Crusty Station

• ปิดท้ายรายการอาหารวันนี้ด้วย Station สุดที่รักอย่างขนมหวานและช็อกโกแลต วันนี้ก็มีให้เลือกอย่างละลานตากันเลยทีเดียว พวกเราก็ไม่รอช้า ตักมากันคนละชิ้นสองชิ้นเพื่อชิม เริ่มจากของโปรดอย่าง มูส (Mousse)ที่วันนี้เป็น Lychee Mousse รสชาตินุ่มนวล ตามต่อด้วยถ้วยขนาดย่อมๆที่เข้าใจว่าเป็นไอศกรีม แต่แล้วกลับพบว่าเป็น มูสช็อกโกแลตบราวนี้ (Chocolate Brownie with Nuts) ที่หอมถูกใจ มูสนุ่มๆ ผสมกับเนื้อบราวนี้และถั่วถือว่าเข้ากันได้ดีทีเดียว ต่อด้วย Mocca and Chocolate Mousse ที่มีกลิ่นกาแฟหอมๆ ตัดกลิ่นช็อกโกแลต และเนื้อมูสนุ่มๆ ตัดมาที่ตระกูลช็อกโกแลตสดกันบ้าง เริ่มจาก ช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ น่ารักน่าหยิบ มีหลากหลายรสให้เลือก ส่วนช็อกโกแลตบางๆที่มีช็อกโกแลตเพิร์ล (Chocolate Pearl) ลูกกลมๆประดับโดยรอบนี่ก็เป็นอีกชิ้นที่ชนะเลิศ เนื้อช็อกโกแลตบางเฉียบ รสชาติเข้มข้น ไม่ออกหวานจนเกินไป บวกกับเพิร์ลกรุบกรอบก็ชนะใจกันไปเต็มๆ ส่วน Baby Eclair with Chestnut Cream แป้งเอแคลร์เนื้อนุ่ม โรยหน้าด้วยช็อกโกแลตเพิร์ลลูกกลมๆ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสอย่างดี Chocolate Souffle ออกมาจากเตาร้อนๆ ขอบกรอบหอมแต่เนื้อด้านในยังไม่เยิ้มเท่าที่ควร รายการต่อมานี่ไม่พูดถึงไม่ได้เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งรายการโปรด นั่นคือ ช็อกโกแลตฟองดู (Fondue) มีให้เลือกทั้ง เมลอน แตงโม สับปะรด และแคนตาลูป ให้เลือกชุบได้เองตามใจชอบ หรือแบบทำสำเร็จวางไว้ให้ก็มีอีกเช่นกัน รวมถึง Marshmallow และ Macaron ที่วันนี้จัดออกมาเป็นครึ่งซีกไว้ให้เป็นเครื่องเคียงกับช็อกโกแลตฟองดูแล้วก็รสชาติเข้ากันไปอีกแบบ ส่วนไอศกรีมโฮมเมด (Homemade Ice Cream) ของที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย สีสันสดใสน่าทานทีเดียว
• ตัดกลับมาที่ขนมไทยกันบ้าง ที่ประทับใจมากคือ สาคูแคนตาลูปแบบปราศจากน้ำตาล (Sugar Free Sago Coconut Soup with Melon) ที่ยังออกมารสชาติดี กะทิคงความหอม และไม่หวานจนเกินไป ตักไปตักมาก็พบว่าหมดไปในเวลาไม่นาน และข้าวเหนียวมะม่วง (Traditional Mango sticky Rice Sushi) ที่ถือว่าเป็นอีกเมนูโปรด ทานเท่าไรก็ไม่เบื่อกับข้าวเหนียวนุ่มๆ มะม่วงที่ไม่เปรี้ยวไม่หวานจนเกินไปราดกะทิหอมๆ เมนูอื่นๆในนี้ได้แก่ เจลลี่สีสด (Jelly) หน้าตาน่ารัก และ ผลไม้อบแห้ง (Dried Fruit)หลากชนิด นอกจากขนมหวานหน้าตาดีจำนสวนมากแล้ว ที่นี่ยังมี ผลไม้สด (Fresh Fruit)ให้เลือกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง แคนตาลูป มะละกอ สับปะรด แตงโม และยังมีผลไม้ไทยที่พบเจอได้ยากในบุฟเฟต์ทั่วไปอย่างขนุนอยู่ในไลน์อีกด้วย

โดยรวมแล้วอาหารของที่นี่ถือได้ว่าสอบผ่าน ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของอาหาร รวมถึงรสชาติที่ทำออกมาได้พอดิบพอดี แล้วยังมีขนมหวานหลากหลายให้เลือกเป็นการปิดท้าย นับว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ชอบทานบุฟเฟต์ทั้งหลาย